พระยาพิชัยดาบหัก ปกป้องแผ่นดินไทย วีรบุรุษที่ไม่ได้ มีแค่ความกล้าหาญ
พระยาพิชัยดาบหัก วีรบุรุษแห่งเมืองพิชัย เดิมชื่อ “จ้อย” เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2284 ณ บ้านห้วยคา อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ในช่วงปลายยุคกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่วัยเยาว์เขาได้รับการศึกษาและฝึกฝนที่วัดมหาธาตุเมืองพิชัย โดยมีท่านพระครูเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอน ทั้งในด้านวิชาการและเชิงมวย จ้อยมีนิสัยขยันขันแข็ง ใฝ่รู้ และ มีความสามารถในการต่อสู้ทั้งด้วยหมัด และ ดาบ จนต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ทองดี” หรือ “ทองดีฟันขาว” เนื่องจากฟันขาวสะอาด ที่เป็นเอกลักษณ์ และ เป็นที่รู้จักในหมู่ ผู้ฝึกมวยด้วยฝีมือที่เก่งกาจ
ต่อมาทองดีได้เข้ารับราชการ กับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตั้งแต่พระองค์ยังดำรงตำแหน่งเป็นพระยาตากสิน ด้วยความสามารถด้านการต่อสู้ และ ความกล้าหาญในการออกรบ ทองดีได้รับแต่งตั้งให้เป็น “หลวงพิชัยอาสา” และเลื่อนยศขึ้นตามลำดับจนกลายเป็น “พระยาพิชัย” ผู้ครองเมืองพิชัยเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้พระยาพิชัยเป็นที่จดจำ คือการต่อสู้เพื่อป้องกันเมืองพิชัยจากการรุกรานของพม่า ซึ่งเกิดขึ้นสองครั้ง โดยในการรบครั้งที่สอง พระยาพิชัยได้ต่อสู้กับข้าศึกอย่างห้าวหาญ ถือดาบสองมือฟาดฟันศัตรู จนดาบหักไปข้างหนึ่ง
แต่ยังคงต่อสู้ จนสามารถปกป้องเมืองไว้ได้ ความกล้าหาญนี้ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า พระยาพิชัย ดาบหัก และ กลายเป็นตำนานของผู้รักชาติที่เสียสละ เพื่อปกป้องแผ่นดิน วีรกรรมของพระยาพิชัย ได้รับการกล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน และ เป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นหลัง สืบทอดความกล้าหาญ และ จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง
จากตำนานสู่ อนุสาวรีย์จารึก แห่งความศรัทธา พระยาพิชัยดาบหัก
จากเหตุการณ์นั้นเอง พระยาพิชัยได้รับสมญานามว่า พระยาพิชัย ดาบหัก เพื่อเป็นเกียรติ และเชิดชูความกล้าหาญของท่าน วีรกรรมของพระยาพิชัย ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องเมืองพิชัย แต่ยังถือเป็นการรักษาเอกราชของชาติไทย ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าไม่นาน การรบของพระยาพิชัย เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความจงรักภักดี และ ความเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นคุณค่าที่ชาวไทย ให้ความเคารพ และ ยึดถือเป็นแบบอย่าง
เพื่อเป็นการรำลึกถึง ความกล้าหาญของพระยาพิชัย อนุสาวรีย์พระยาพิชัย ได้ถูกสร้างขึ้น และประดิษฐานอยู่บริเวณ หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับการออกแบบ และ สร้างโดยกรมศิลปากร ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อน ถึงเกียรติยศ และ ความกล้าหาญของท่าน ที่ชาวอุตรดิตถ์ และ ชาวไทยทุกคน ให้ความเคารพ
ภายในบริเวณอนุสาวรีย์ ยังมีพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงดาบเหล็กน้ำพี้ ซึ่งเป็นดาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยดาบนี้มีน้ำหนักถึง 557.8 กิโลกรัม และ ฝักดาบทำจากไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินที่มี การสลักลวดลายอย่างประณีต พิพิธภัณฑ์ยังมีการจัดแสดง ประวัติของพระยาพิชัยอย่างละเอียด ทั้งยังมีแบบจำลอง สนามรบที่แสดงเหตุการณ์ ในสมัยที่ท่านนำทัพต่อสู้กับกองทัพพม่า นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง วิถีชีวิตของชาวเมืองอุตรดิตถ์ ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงเครื่องมือเครื่องใช้ ในสมัยโบราณ ซึ่งช่วยให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ และ เข้าใจถึงความเป็นมาของชุมชน และ ยุคสมัยของพระยาพิชัย อย่างลึกซึ้ง
อนุสาวรีย์ และ พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัย จึงเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม ที่ไม่เพียงแต่ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่ยังรวมถึงชาวไทยทั่วประเทศ สามารถมาสักการะ และ เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ อันยิ่งใหญ่ของท่าน พระยาพิชัยเป็นวีรบุรุษ ที่ทิ้งร่องรอยอันล้ำค่าไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย วีรกรรมของท่านได้กลายเป็น สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความเสียสละ และ ความรักชาติที่ควรค่า ต่อการสืบสาน และ จดจำไปชั่วลูกชั่วหลาน
พิธีบวงสรวงดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก วันน้อมรำลึกถึงวีรกรรมอันหาญกล้า
เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2567 โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก ภายใต้การนำของ พันโท สรารักษ์ ชูสกุล รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก มณฑลทหารบกที่ 35 พร้อมด้วยกำลังพลจากหน่วยงานต่างๆ ได้เข้าร่วมในพิธี บวงสรวงดวงวิญญาณ พระยาพิชัย ดาบหัก เพื่อแสดงความเคารพ และ น้อมรำลึกถึงความกล้าหาญ ของวีรบุรุษแห่งแผ่นดินไทย พิธีจัดขึ้นที่บริเวณนุสรณีย์พระยาพิชัย ณ มณฑลทหารบกที่ 35 อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมทั้งมีพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของการทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่ดวงวิญญาณผู้กล้า
วันที่ 7 มกราคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญที่ชาวไทย โดยเฉพาะชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ น้อมรำลึกถึงพระยาพิชัย วีรบุรุษผู้จงรักภักดี และ กล้าหาญ ผู้ยืนเคียงข้างสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราชในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชาติ พระยาพิชัย ดาบหัก หรือ “นายทองดีฟันขาว” ทหารเอกคู่พระทัย ได้สร้างวีรกรรมที่เป็นที่จดจำ จากการต่อสู้ปกป้องบ้านเมือง จนดาบคู่กายหักคามือ ในการสู้รบกับข้าศึกอย่างดุเดือด สัญลักษณ์แห่งความเสียสละ นี้กลายเป็นตำนานที่ถูกถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่น เป็นเกียรติยศที่ชาวไทย ต่างยกย่อง และ ชื่นชม
พระยาพิชัย เป็นบุคคลสำคัญ ที่ชาวอุตรดิตถ์ ให้ความเคารพในฐานะ ผู้ปกป้องแผ่นดินที่รัก ท่านได้ทำหน้าที่ปกป้องเอกราช ของชาติในช่วงสมัยธนบุรี โดยเฉพาะในสงครามระหว่างไทย และ พม่า การที่ท่านสามารถนำทัพ ต่อสู้กับกองทัพพม่าจนศัตรู ต้องพ่ายแพ้ไปนั้น ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสถาปนาเอกราช และ ความมั่นคงให้กับชาติไทยในเวลาต่อมา ด้วยความสามารถในการวางแผน และ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว พระยาพิชัย ดาบหัก จึงได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของชาติมณฑลทหารบกที่ 35 ได้จัดพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณพระยาพิชัย ดาบหักมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง คุณงามความดีของท่านที่เสียสละ เพื่อปกป้องแผ่นดิน นอกจากนี้ยัง เป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลัง ได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของประวัติศาสตร์ชาติไทย และ ความกล้าหาญของบรรพบุรุษ
พิธีสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหักกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 08.30 น. นางสาวอนุพร โนเรือง นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ และ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าร่วมพิธีสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ พระยาพิชัย ซึ่งเป็นคู่บารมีสำคัญในการกู้ชาติ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบำเพ็ญ สาธารณประโยชน์ด้วยการ ปลูกต้นไม้ ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ต้นประดู่ และต้นศรีมหาโพธิ์ อันเป็นการถวายเป็น พระราชกุศลแด่สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
พิธีดังกล่าวจัดขึ้น ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และ พระยาพิชัย วัดคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมี นายสมหวัง พ่วงบางโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธี ซึ่งได้รับเกียรติจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงพิธีบวงสรวงในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพต่อ ดวงวิญญาณของ พระยาพิชัยดาบหัก แล้ว ยังเป็นการสืบสาน และ เผยแพร่คุณธรรมแห่งความกล้าหาญ ความเสียสละ และความรักชาติ ซึ่งเป็นคุณค่าที่สำคัญในการดำรงชาติบ้านเมือง ให้คงอยู่เป็นอิสระเสรี สำหรับชาวอุตรดิตถ์ ไม่เพียงแค่เป็นการแสดงออกถึงความเคารพ ต่อวีรกรรมของ พระยาพิชัยเท่านั้น
แต่ยังเป็นการตอกย้ำ ความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตน และ สืบทอดเจตนารมณ์แห่งความกล้าหาญของบรรพบุรุษ ให้แก่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับเยาวชนในการรักและ หวงแหนแผ่นดินไทย นอกจากการทำบุญ และ บวงสรวง ยังมีการจัดนิทรรศการ และกิจกรรมที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ และ วีรกรรมของพระยาพิชัยดาบหักในช่วงสมัยธนบุรี เพื่อให้ประชาชน และ นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมไทยที่สำคัญ สถานที่นี้จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์และต้องการรำลึกถึง ความเสียสละของพระยาพิชัย พิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ พระยาพิชัยจึงเป็นมากกว่าพิธีกรรม แต่เป็นสัญลักษณ์ แห่งการรำลึกถึง คุณค่าของความกล้าหาญ และ ความรักชาติที่ชาวไทยทุกคนควรจดจำ ซื้อหวย