วันศุกร์ 13 ที่มาของความเชื่อ อาถรรพ์ เลขแห่งโชคร้าย จริงหรือแค่เรื่องหลอน
อาถรรพ์ศุกร์ 13 เป็นความเชื่อที่สืบทอด มาจากชาวตะวันตก โดยเฉพาะในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ถือว่าเลข 13 เป็นเลขแห่งความโชคร้าย และ อัปมงคล ความเชื่อนี้เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์สำคัญในคริสต์ศาสนา คือ “The Last Supper” หรือ “อาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู” ซึ่งเป็นภาพวาดที่โด่งดังของ ลีโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) แสดงถึงพระเยซูรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย ร่วมกับเหล่าสาวกทั้งหมด 13 คน หลังจากนั้นพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ ทำให้ทั้งเลข 13 และ วันศุกร์กลายเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย
นอกจากนี้ ในอารยธรรมอียิปต์โบราณ ก็มีความเชื่อว่าเลข 13 เป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย และการสูญเสีย ทำให้เลขนี้ถูกมองว่าเป็นเลขที่ไม่นำมาซึ่งความสุขสำหรับคนไทย มีความเชื่อที่ว่าเลข 13 เมื่อกลับหัวจะมีลักษณะคล้ายคำว่า “ผี” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งอัปมงคลและความน่ากลัว ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่าวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันที่ไม่เหมาะกับการทำกิจกรรมใดๆ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน หลายคนเลือกที่จะไม่ออกจากบ้าน หรือ ยกเลิกงานมงคลใดๆ ในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้าย หรือ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งลี้ลับ
เหตุการณ์ที่ช่วยตอกย้ำอาถรรพ์ศุกร์13 มีเหตุการณ์หลายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นตรงกับวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งยิ่งเสริมความเชื่อในอาถรรพ์นี้ :
- วันที่ 13 ตุลาคม 1307 : พระเจ้าฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส จับกุม และ สังหารอัศวินเทมพลาร์หลายร้อยคน
- วันที่ 13 ปี ค.ศ. 1939: เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย
- วันที่ 13 ปี ค.ศ. 1945: เกิดสงครามทางอากาศครั้งสำคัญในนอร์เวย์
- วันที่ 13 ปี ค.ศ. 1970: พายุขนาดใหญ่พัดถล่มบังคลาเทศ ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล
- วันที่ 13 ปี ค.ศ. 1978: เกิดการสังหารหมู่ในอิหร่านที่มีผู้เสียชีวิตถึง 13 คน
- วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2006: พายุหิมะ “Aphid” พัดถล่มเมืองบัฟฟาโล่ รัฐนิวยอร์ก
- วันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2007: ทอร์นาโดหลายลูกพัดถล่มทางเหนือของรัฐเท็กซัส
แม้จะมีเหตุการณ์เหล่านี้เป็นเครื่องตอกย้ำความเชื่อในอาถรรพ์ศุกร์ 13 แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความเชื่อของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาทคำว่า อาถรรพ์13 มีต้นกำเนิดจากความเชื่อของชาวตะวันตก โดยเฉพาะในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งเชื่อว่า เลข 13 เป็นเลขที่นำมาซึ่งโชคร้าย และ ความอัปมงคล
ความเหมือนที่แตกต่าง ศุกร์ 13 ปี 63 วันแห่งความโชคร้าย ที่มาพร้อมกับวันเมตตาโลก
วันศุกร์ที่ 13 ซึ่งถือเป็นวันแห่งความโชคร้ายในสายตาของชาวตะวันตก มีรากฐานมาจากความเชื่อในศาสนาคริสต์ โดยเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ สำคัญในประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นใน มื้ออาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู (The Last Supper) ที่มี 13 คน ร่วมโต๊ะ ก่อนที่พระเยซูจะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวันศุกร์ ซึ่งถูกเรียกว่า วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) ความเชื่อนี้จึงทำให้เลข 13 ถูกมองว่าเป็นเลขอัปมงคล และ เมื่อเลข 13 มาประจบกับวันศุกร์จึงกลายเป็นวันที่หลายคนหวาดกลัว และ มองว่าเป็น วันมหาอัปโชค
อาถรรพ์13นั้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากวิตกกังวล จนถึงขั้นไม่กล้าออกจากบ้าน ด้วยความเกรงว่าจะเจออุบัติเหตุหรือเคราะห์ร้ายต่าง ๆ จนทำให้เกิดการแก้เคล็ดในบางพื้นที่ โดยมีการเรียกเลข 13 ว่า ลัคกี้นัมเบอร์ เพื่อเปลี่ยนความเชื่อในทางบวก และ ลดความหวาดกลัวที่มีต่อเลขนี้ลงบ้างเหตุใด วันศุกร์ จึงกลายเป็นวันที่ถูกมองว่าโชคร้าย นอกจากเหตุการณ์การตรึงกางเขนของพระเยซูแล้ว ในวัฒนธรรมตะวันตกยังมีความเชื่อว่า วันศุกร์ เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ รวมถึงยังมีคำกล่าวว่าเป็น วันปีศาจ หรือ “Tip Tod Day ในอดีตชาวประมง จึงไม่ออกเรือในวันศุกร์ เนื่องจากเชื่อว่า จะนำพาความหายนะ มาสู่การทำงาน และ ชีวิตของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ วันศุกร์ที่ 13 กลับมาพร้อมกับความหมายที่ดีและน่าประทับใจ เพราะตรงกับ วันแห่งความเมตตาสากล (World Kindness Day) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในเดือนพฤศจิกายน วันนี้ถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กร World Kindness Movement ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกแสดงความมีน้ำใจ ความเมตตา และความเอื้ออาทรต่อกันอย่างจริงใจหลายประเทศทั่วโลก เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย ไนจีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์ อิตาลี อินเดีย และสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันบรรจุวันนี้ไว้ในปฏิทินของพวกเขา เพื่อเป็นการเตือนใจและปลูกฝังความมีเมตตาในสังคม แม้จะเป็นวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งบางคนอาจมองว่าเป็นวันโชคร้าย แต่ปีนี้กลับกลายเป็นวันแห่งความหวัง และ การแสดงน้ำใจ ที่ทุกคนสามารถร่วม เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้นได้
ในหลายประเทศ ที่ร่วมฉลองวันแห่งความเมตตานี้ จะมีกิจกรรมหลากหลาย เพื่อ แสดงความเมตตาต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นการ บริจาคสิ่งของ ให้ผู้ยากไร้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมความดีงามในสังคม หรือ แม้กระทั่งการปฏิญาณตนว่า จะมีความเมตตาต่อผู้อื่น วันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะเริ่มต้นทำความดีต่อกัน โดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา การเมือง หรือความเชื่ออื่นใดแทนที่วันศุกร์ที่ 13 จะถูกมองว่าเป็นวันแห่งความโชคร้าย วันนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงความเมตตา และ การทำความดีที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ของใครหลายคนในทางที่ดีขึ้น
ศุกร์ 13 วันหลอนสุดสัปดาห์ และ วันแห่งการรอคอย
สำหรับพนักงานออฟฟิศ หรือ คนทั่วไปวันศุกร์ถือเป็นวันแห่งการรอคอย เพราะเป็นการสิ้นสุดสัปดาห์ที่ทำงานหนัก หลายคนเฝ้าฝันถึงการได้นอนตื่นสาย ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว แต่สำหรับชาวยุโรป หรือ ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์บางส่วน วันศุกร์ที่ตรงกับเลข 13 นั้น กลับเป็นวันที่พวกเขากลัวที่สุด เป็นวันที่ถูกมองว่าเป็น วันแห่งความโชคร้าย ไม่ต่างจากวันฮาโลวีน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวหลอนๆ และ ตำนานน่ากลัว
ศุกร์13 กลายเป็นคำที่ใครๆ ก็สะดุ้งเมื่อได้ยิน เพราะขัดกับความหมายที่ควรจะเป็น “วันศุกร์แห่งความสุข” คำว่า ศุกร์13 นั้นมาจากความเชื่อของชาวคริสต์ โดยเฉพาะในยุโรป ที่ถือว่าตัวเลข 13 นั้นไม่เป็นมงคล และ เมื่อประกอบกับวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่เชื่อมโยง กับเหตุการณ์ทางศาสนาที่ไม่ดี เช่น การตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน ความเชื่อเรื่อง อาถรรพ์ศุกร์ 13 จึงยิ่งฝังแน่นในจิตใจของผู้คน แม้ว่าตาม พระคัมภีร์ไบเบิล จะไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนก็ตาม แต่เป็นการตีความที่สอดคล้องกับเรื่องราวในอดีตมากกว่า
ที่มาของความเชื่อนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก การตีความความสัมพันธ์ระหว่าง วันศุกร์ และ เลข 13 ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ทางศาสนา และ ความเชื่อต่างๆ เลข 13 เป็นเลขอาถรรพ์ที่หลายคนหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในการสร้างอาคาร ในยุโรปที่บางครั้งจะไม่มีชั้น 13 เนื่องจากถือว่าไม่เป็นมงคล และ เมื่อรวมเข้ากับวันศุกร์ที่ถูกมองว่า เป็นวันแห่งโชคร้าย ความเชื่อเรื่องจึงกลาย เป็นสิ่งที่ถูกยึดถืออย่างแพร่หลาย
นอกจากความเชื่อแล้ว ยังมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในประวัติศาสตร์ที่ช่วยตอกย้ำว่า ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรือความเชื่อที่ไร้สาระ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อุบัติเหตุในเนเธอร์แลนด์ ที่มีการทำสถิติว่า วันศุกร์ที่ 13 มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุ มากกว่าวันศุกร์ปกติถึง 52% สิ่งเหล่านี้ทำให้ความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ศุกร์ 13 กลายเป็นสิ่งที่ คนจำนวนไม่น้อยเกรงกลัว และ เชื่อถืออย่างจริงจัง
ความเชื่อเกี่ยวกับศุกร์ 13 และลางบอกเหตุ ที่คาดการแม่นยำมาก
ในหลายประเทศ มีความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุ หรือ สิ่งของที่เชื่อมโยงกับความโชคร้ายและโชคดี โดยเฉพาะในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งถือเป็นวันที่หลายคนระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ มาดูกันว่า สิ่งของหรือเหตุการณ์อะไรบ้าง ที่ผู้คนเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อโชคชะตาในวันแห่งความลี้ลับนี้
ร่ม การกางร่มในที่ร่มถูกเชื่อว่า จะทำให้เทพพระอาทิตย์พิโรธ ส่งผลให้เกิดความโชคร้าย แต่หากมองในแง่ความเป็นจริง อาจเป็นอุบายเพื่อป้องกัน ไม่ให้ร่มที่กางในบ้านไปทิ่มตาผู้อื่นมากกว่า
บันได มีความเชื่อว่าการเดินลอดใต้บันไดเป็นการทำลาย “สามภาคของพระเจ้า” ตามความเชื่อในศาสนาคริสต์ ทำให้ผู้ที่เดินลอดกลายเป็นสาวกของปีศาจ ในความเป็นจริง อาจเป็นการเตือนให้ระวังเรื่องความปลอดภัย จากการชนบันไดมากกว่า
กระจก คำกล่าวว่า “ทำกระจกแตก โชคร้าย 7 ปี” มาจากความเชื่อโบราณว่ากระจกสามารถกักเก็บดวงวิญญาณของคนได้ และหากกระจกแตก ก็จะปล่อยโชคร้ายออกมา มีประเพณีบางแห่งที่ต้องปิดกระจกเมื่อมีผู้เสียชีวิตในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณติดอยู่ในกระจก ซื้อหวย
เคาะไม้ เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่ดี หรือทำกระจกแตก การเคาะไม้ถือเป็นวิธีแก้เคล็ด เพราะเชื่อว่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณดี เคาะไม้จะช่วยเรียกโชคลาภกลับมา
เกลือ ห้ามทำเกลือหก เพราะเชื่อว่าจะนำโชคร้ายมาให้ โดยเฉพาะที่มาจากความเชื่อว่ายูดาสหกเกลือในอาหารมื้อสุดท้าย ซึ่งเป็นลางบอกเหตุการทรยศ แต่ถ้าเผลอทำหกไปแล้ว ให้รีบโยนเกลือข้ามไหล่เพื่อแก้เคล็ด
กระต่าย ถ้ากระต่ายกระโดดผ่านหน้า เชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของความสดใส ฤดูใบไม้ผลิ และการเจริญพันธุ์ จึงเชื่อว่าใครได้เห็นกระต่ายจะมีโชคลาภ
เกือกม้า แขวนเกือกม้าไว้เหนือประตูบ้านจะนำโชคดีมาให้ แต่ต้องแขวนให้ถูกวิธี โดยให้ปลายสองด้านของเกือกม้าชี้ขึ้นด้านบนเพื่อเก็บโชค หากแขวนกลับหัวจะทำให้โชคร้ายเข้ามาแทน
นกสาลิกา (นกแม็กพาย) ความเชื่อว่าการเห็นนกสาลิกาเพียงตัวเดียวเป็นลางบอกเหตุร้าย แต่ถ้าเห็นนกมาเป็นคู่จะโชคดี อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
แมวดำแมวดำเดินตัดหน้าถือเป็นสัญลักษณ์ของโชคร้าย ในยุคกลางแมวดำถูกเชื่อมโยงกับแม่มด แต่ในบางประเทศอย่างอังกฤษ แมวดำกลับเป็นสัญลักษณ์ของโชคดี และมักจะถูกใช้ในการ์ดอวยพรวันเกิด
ขนหางนกยูง ลวดลายบนหางนกยูงที่คล้ายดวงตาทำให้เชื่อว่าเป็น ตาของปีศาจ ใครที่มีขนหางนกยูงในบ้านอาจนำโชคร้ายมาให้ แม้จะดูสวยงามก็ตาม
ทุกความเชื่อที่กล่าวมานี้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล บ้างก็เป็นอุบายเพื่อความปลอดภัย ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อถึงวันศุกร์ 13 หลายคนอาจจะยังรู้สึกระแวง และ ไม่กล้าทำสิ่งใดที่อาจนำโชคร้ายมาสู่ตัวเอง