all2nine

พระพรหมเอราวัณ รวมแห่งศรัทธา บารมีอันยิ่งใหญ่ อธิษฐานขอพร

พระพรหมเอราวัณ รวมแห่งศรัทธา บารมีอันยิ่งใหญ่ อธิษฐานขอพร

ประวัติ พระพรหมเอราวัณ รวมแห่งศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของคนไทย และ ชาวต่างชาติ

พระพรหมเอราวัณ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ศาลท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สถานที่นี้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลาง แห่งศรัทธาสำหรับคนไทย แต่ยังดึงดูดชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่มักจะมากราบไหว้บูชาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นจุดหมายปลายทาง สำคัญของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพฯ ที่มาของศาลพระพรหม เอราวัณ ศาลพระพรหม เอราวัณ ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2499 โดยมีที่มาจากความเชื่อ ที่เกิดขึ้นระหว่าง การก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ ซึ่งเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2494 ที่สี่แยกราชประสงค์ โรงแรมเอราวัณถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับแขกต่างชาติ แต่ในช่วงแรกของการก่อสร้างกลับเกิดอุบัติเหตุ และ ปัญหาต่างๆ มากมาย เมื่อโรงแรมใกล้จะสร้างเสร็จในปลายปี พ.ศ. 2499 พลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัท สหโรงแรมไทยและ การท่องเที่ยว จำกัด ได้เสนอว่าควรมีการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปัดเป่าอุปสรรค

เหตุผลที่เลือกบูชา พระพรหมเนื่องจาก ชื่อโรงแรม เอราวัณ ซึ่งเป็นชื่อของช้างทรงของพระอินทร์ ซึ่งถือเป็นชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์ จึงจำเป็นต้องสร้างศาลบูชา ที่เหมาะสมตามความเชื่อโบราณ โดยทำพิธีขอพรจากพระพรหม เพื่อให้ผ่านพ้นปัญหา และ ปกป้องโรงแรมให้ราบรื่นปลอดภัยการก่อตั้งศาล พระพรหมเอราวัณ ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ ได้รับการออกแบบโดยนายระวี ชมเสรี และ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล ส่วนองค์พระพรหม ที่เป็นปูนปลาสเตอร์ปิดทอง ได้รับการปั้นขึ้นโดยนายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างจากกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ศาลพระพรหมนี้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานอย่างเป็นทางการที่หน้าโรงแรมเอราวัณในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 และตั้งแต่นั้นมา โรงแรมเอราวัณ ได้จัดพิธีบวงสรวงศาล พระพรหมในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี เพื่อเป็นการบูชา และ ขอพรให้สถานที่นี้ นำพาโชคลาภ และ ความสำเร็จแก่ผู้มาเยือน

ความสำคัญ และ ความเชื่อศาลพระพรหม เอราวัณ นับเป็นศาลพระพรหม ขนาดใหญ่แห่งแรกในประเทศไทย พระพรหมตามคติ ของศาสนาฮินดูเป็นเทพผู้สร้างโลก มีสี่พระพักตร์ที่หันไปยังทิศทั้งสี่ ได้แก่ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก สัญลักษณ์นี้สื่อถึง ความสามารถในการเฝ้ามองและ ปกปักรักษาทุกสิ่งในจักรวาล ทั้งในโลกมนุษย์ และ โลกสวรรค์ พระพรหมถือว่ามีอำนาจในการขจัดปัดเป่าอุปสรรค ความทุกข์ยาก และช่วยส่งเสริมความสำเร็จ และ โชคลาภแก่ผู้ที่มากราบไหว้ ด้วยความศรัทธาศาลพระพรหม เอราวัณ ยังเป็นจุดหมายแห่งความหวัง ของคนไทยและชาวต่างชาติที่แวะเวียน มากราบไหว้ตลอดทั้งปี เชื่อกันว่า การมากราบไหว้ท่าน จะนำมาซึ่งความสมหวังในทุกด้าน ทั้งด้านการงาน ความรัก สุขภาพ และโชคลาภ

พระพรหมเอราวัณ ความศักดิ์สิทธิ์ที่ใคร ๆ ต่างมาอธิษฐานขอพร

พระพรหม เอราวัณ หรือ ที่คนทั่วไปมักเรียกว่า ศาลท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ บนถนนราชดำริ ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ดึงดูดผู้คนทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติที่มีศรัทธาแรงกล้า มาสักการะขอพร ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่นิยมเดินทางมาขอพร เพื่อความโชคดี และ ความสำเร็จในชีวิต ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมาย สำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้มีการเชิญพราหมณ์มาทำพิธีบวงสรวง และ สร้างศาลพระพรหมขึ้นตามคำแนะนำของผู้รู้ ซึ่งเห็นว่าชื่อโรงแรม “เอราวัณ” ที่มาจากช้างทรงของพระอินทร์ ถือเป็นชื่อที่มีความศักดิ์สิทธิ์ การบูชาพระพรหมจะช่วยปัดเป่าปัญหา และ อุปสรรคต่าง ๆ ให้หมดไป จึงเป็นที่มาของการสร้างศาลท้าวมหาพรหม เอราวัณขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499 โดยมีการออกแบบศาลโดยนายระวี ชมเสรี และ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล องค์พระพรหมที่ประดิษฐานนั้นถูกปั้น ขึ้นจากปูนปลาสเตอร์ ปิดทองโดยนายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างฝีมือจากกรมศิลปากร และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โรงแรมเอราวัณ ได้จัดพิธีบวงสรวงศาลพระพรหม ทุกปีในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อเป็นการบูชา และ เสริมความเป็นสิริมงคล

พระพรหมเอราวัณ รวมแห่งศรัทธา บารมีอันยิ่งใหญ่ อธิษฐานขอพร

การดูแล และ การเข้าชมศาลพระพรหม เอราวัณปัจจุบัน ศาลพระพรหม เอราวัณอยู่ภายใต้การดูแลของ มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม ซึ่งเปิดให้ประชาชน และ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถเข้ามาสักการะได้ทุกวัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาขอพร สามารถแวะเวียน มากราบไหว้ได้ตลอดทั้งวัน ศาลแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญที่ไม่เคยเงียบเหงา โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล หรือ งานสำคัญต่าง ๆ ที่มีผู้คนหลั่งไหลมาขอพรจากท้าวมหาพรหม เพื่อความเป็นสิริมงคล และ โชคลาภในชีวิต

วิธีการบูชาพระพรหม เอราวัณที่ถูกต้องการบูชา พระพรหม เอราวัณนั้น มีความพิเศษตรงที่ พระพรหมมีสี่พักตร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนทิศทั้งสี่ ได้แก่ เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก การบูชาพระพรหม ให้ถูกต้องตามความเชื่อ ควรสักการะครบทั้งสี่พักตร์ หากบูชาเพียงพักตร์เดียวก็สามารถทำได้ แต่เชื่อกันว่าจะได้รับพรเพียงเรื่องเดียว จากพระองค์เท่านั้น ดังนั้น หากต้องการขอพรครบทุกด้าน ควรบูชาทั้งสี่พักตร์ตามลำดับ ของสักการะที่จำเป็น สำหรับการบูชาพระพรหม เอราวัณ คือ การเตรียมของสำหรับบูชา 4 ธาตุ ได้แก่

  • ธาตุดิน : ดอกบัว
  • ธาตุน้ำ : น้ำสะอาด
  • ธาตุลม : ธูป
  • ธาตุไฟ : เทียน

การสักการะเริ่มจาก พักตร์แรก และเวียนขวามือของเรา (ซ้ายมือขององค์ท้าวมหาพรหม) จนไปครบทั้งสี่พักตร์ การขอพรแต่ละพักตร์ มีความหมายแตกต่างกัน ดังนี้ :

พักตร์แรก : ขอพรเรื่องการงาน และ การเรียนใช้ธูป 16 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก และน้ำ 1 ขวด สำหรับการขอพรพักตร์นี้ จะเน้นในเรื่อง การงาน การเรียน ความก้าวหน้าในชีวิต เช่น การสอบ การเลื่อนตำแหน่ง หรือความสำเร็จในหน้าที่การงาน

พักตร์ที่สอง : ขอพรเกี่ยวกับทรัพย์สินใช้ธูป 36 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก น้ำ 1 ขวด พักตร์นี้จะเน้นเรื่อง ทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการซื้อบ้าน ที่ดิน คอนโด รถยนต์ หรือการขอพรเกี่ยวกับหนี้สิน การมีโชคในทรัพย์สิน

พักตร์ที่สาม : ขอพรเรื่องสุขภาพและครอบครัวใช้ธูป 39 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก น้ำ 1 ขวด พักตร์นี้ขอเกี่ยวกับเรื่อง สุขภาพ ครอบครัว ความมั่นคง รวมถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว หุ้นส่วน คู่ชีวิต หรือผู้ร่วมงาน

พักตร์ที่สี่ : ขอพรเรื่องโชคลาภและความสำเร็จที่ไม่คาดฝัน ใช้ธูป 19 ดอก เทียน 9 เล่ม ดอกบัว 9 ดอก น้ำ 1 ขวด พักตร์สุดท้ายนี้ขอเรื่อง โชคลาภ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือความสำเร็จที่คาดไม่ถึง เช่น การขอกู้ยืมเงิน การขอออเดอร์สินค้า และ สำหรับผู้ที่ต้องการบุตร การขอพรที่พักตร์นี้มักจะได้รับ ความสำเร็จตามที่หวัง

ความศรัทธา ที่ไม่เคยจางหายศาล พระพรหมเอราวัณ ถือ เป็นสัญลักษณ์ แห่งความศรัทธาอันมั่นคงของชาวไทย และ ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ศาลแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่เดินทางมาเพื่อขอพรในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ และ ความโชคดี พลังแห่งศรัทธา ที่ผู้คนมีต่อพระพรหม เอราวัณ ทำให้สถานที่นี้ ยังคงเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธา และ แรงบันดาลใจที่สำคัญเสมอ

เหตุการณ์ระเบิดที่ ศาลพระพรหมเอราวัณ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558

พระพรหมเอราวัณ รวมแห่งศรัทธา บารมีอันยิ่งใหญ่ อธิษฐานขอพร

ถือเป็นหนึ่งในคดีประวัติศาสตร์ ที่คนไทยยังคงจดจำได้ถึงวันนี้ เหตุระเบิดครั้งนั้นเกิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใจกลางกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 คน และมีผู้บาดเจ็บถึง 163 คน สร้างความสะเทือนขวัญ และ ความโศกเศร้าให้กับคนทั่วประเทศ และ นานาชาติหลังเหตุระเบิดไม่นาน ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณที่เกิดเหตุ ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ โดยเฉพาะภาพของชายเสื้อเหลือง ผู้ต้องสงสัยว่า เป็นคนวางระเบิดที่ศาลพระพรหม และภาพชายเสื้อฟ้า ผู้ต้องสงสัยที่วางระเบิด บริเวณท่าเรือสะพานสาทร ทั้งสองภาพนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการตามหาผู้กระทำความผิดในคดีในที่สุด เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอาเดม คาราดัก และ นายเมียไรลี ยูซูฟู โดยมีการระบุว่า นายอาเดมคือชายเสื้อเหลือง ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ทว่ารูปร่างและลักษณะของนายอาเดมกลับไม่ตรงกับภาพ ชายเสื้อเหลืองในวงจรปิดอย่างชัดเจน สร้างข้อกังขาในสังคมว่าบุคคล ที่ถูกจับกุมนั้นเป็นผู้กระทำผิด จริงหรือไม่แม้จะมีการจับกุมตัว ผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ทางการไทยกลับยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การก่อการร้าย ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ แต่เป็นเพียง การก่อวินาศกรรม สร้างความสับสน และ คำถามต่อการดำเนินคดีนี้มากขึ้น ซื้อหวย

ในส่วนของการดำเนินคดี ความคืบหน้าเป็นไปอย่างล่าช้า โดยข้อมูลจากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ระบุว่า หลังจากเหตุการณ์ผ่านไป 2 ปี การสืบพยานเกิดขึ้นเพียงแค่ 2 ปากจากทั้งหมด 447 ปาก สาเหตุหลักมาจากปัญหาในการแปลภาษาของผู้ต้องหา ที่ต้องแปลถึง 3 ภาษา ตั้งแต่ภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ แล้วจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอุยกูร์ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยจาก ผู้ต้องหาว่าพวกเขาถูกซ้อม และ ทรมานระหว่างการควบคุมตัว สร้างความกังวล ต่อกระบวนการยุติธรรม ของไทยแม้ว่าคดีนี้จะดำเนิน ไปอย่างเชื่องช้า แต่ในส่วนของการบูรณะ ศาลพระพรหม เอราวัณ กลับมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เพียง 3 วันหลังเกิดเหตุ กรุงเทพมหานคร ได้เริ่มทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ และ ต่อมาสำนักช่างสิบหมู่ก็เข้าดำเนินการบูรณะองค์พระพรหม ที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด โดยเฉพาะบริเวณคาง ซึ่งเป็นจุดที่เสียหายมากที่สุด การบูรณะครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 100,000 บาท ซึ่งมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดคดีระเบิดศาล พระพรหมเอราวัณ ยังคงเป็นเหตุการณ์ ที่หลายคนในสังคมไทยตั้งคำถามถึงความยุติธรรม และ ความโปร่งใสในการดำเนินคดี แม้เหตุการณ์จะผ่านไปหลายปี แต่ความเจ็บปวด และ คำถามยังคงอยู่

Share:
More Posts