วังนาคินทร์คำชะโนด สะพานเชื่อมสองโลก
ทุกเช้าชาวบ้านในพื้น คำชะโนด ที่จะเข้าไปไหว้พ่อปู่แม่ย่ากันเป็นประจำ แต่ส่วนใหญ่จะเข้าไปก่อนที่นักท่องเที่ยวจะมาถึง แม่ค้าผู้แสวงหานักเสี่ยงโชคได้บอกกับเราหลังจากที่เรากลับมาเดินสำรวจ เธอเป็นชาวอุดรโดยกำเนิด เช่นเดียวกับเจ้าของร้านที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเป็นคนในชุมชน ความเจริญที่มาพร้อมกับความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปู่แม่ย่าช่วยให้เธอสามารถเลี้ยงดูปากท้องของตนเองและครอบครัวได้จนถึงวัยเกือบ 60 ปี นอกจากนี้ยังมีชาวต่างถิ่นจำนวนมากที่ย้ายฐานที่มั่นมาเปิดร้านในพื้นที่เดียวกัน เพราะพ่อปู่แม่ย่ามอบความสำเร็จตามที่พวกเขาคาดหวัง ที่นี่มีคนจากหลายถิ่น คนกรุงเทพฯ ทิ้งชีวิตในเมืองมาทำมาค้าขายก็มี คนต่างจังหวัด จากเหนือ จากใต้ กลาง อีสาน มากันหมด อยู่ที่ว่าใครขอแล้วได้ เขาก็มากัน” หลังจากบอกลาคุณป้า เราเดินผ่านลานจอดรถที่เต็มไปด้วยป้ายทะเบียนหลากจังหวัด แม้กระทั่งหลากภาษา บางคันข้ามฝั่งโขงที่ไม่ใกล้ไม่ไกลมา บางคันมาจากใต้สุดหรือเหนือสุดของขวานทอง แม้จะต่างเชื้อชาติ ต่างอายุ ต่างถิ่นอาศัย ต่างศาสนา แต่หลอมรวมพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวด้วยศรัทธาในพญานาค
หลังจากตรวจวัดอุณหภูมิแล้ว เราก็เดินไปตามทาง ยื่นบัตรประชาชนเพื่อรับบัตรคิว สำหรับเด็กที่ไม่มีบัตรประชาชนก็สามารถเข้าชมได้ แต่การพกบัตรไปด้วยจะดีกว่า เราออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 ขับรถผ่านแม่น้ำชีตอนตี 5 และมาถึงประมาณ 9 โมง ซึ่งยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก สิ่งที่มาก่อนเราคือฝน เนื่องจากภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้า ทุกคนจึงต้องจอดรองเท้าไว้ที่ด้านนอกอย่างเป็นระเบียบ สภาพพื้นหญ้าเทียมที่อิ่มน้ำฝนทำให้ถุงเท้าของเราหลุดออกเปียกชื้น
บริเวณหน้าทางเข้าวังนาคินทร์เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ผู้ศรัทธาจะมายืนถ่ายภาพ พร้อมเครื่องสักการะที่จับจองไว้ตั้งแต่ด้านนอกหรือเพิ่งมาซื้อด้านใน ด้วยการแต่งกายและดวงตาที่มองทุกอย่างด้วยความสนใจ คงทำให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาเยือนเป็นครั้งแรก “เดินตรงข้ามสะพานไปเลย อย่าลืมก้มดูทางเชื่อมที่เชื่อมยังไงก็ไม่ติดด้วยนะ” เจ้าหน้าที่ยิ้มให้
หากเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้มาเยือนจะได้ลูบตัวพญานาคเพื่อเสริมสิริมงคลระหว่างเดินเข้าไปในบริเวณวังนาคินทร์ ส่วนเราก็อดใจไม่ไหวที่จะสัมผัสเบาๆ เพราะรู้สึกอยากสัมผัสให้ได้ ชายคนหนึ่งที่เดินสวนทางกับเรากล่าวกับลูกหลานของเขาว่า “ถ้าเราข้ามตรงนี้ไป เราจะออกจากเมืองพญานาคและกลับสู่โลกมนุษย์” พื้นสะพานที่เรากำลังเดินผ่านเป็นพื้นทรายล้างและกรวดล้างสีน้ำตาลตลอดทาง และทางที่ทอดยาวต่อไปก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่ที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่คือแผ่นไม้และรอยร้าวที่อยู่บนลำตัวพญานาคทั้งสองฝั่ง
ผีจ้างหนังและวังคำชะโนดของพญาศรีสุทโธนาคราช
เรื่องราวของผีจ้างหนังและวังของพญาศรีสุทโธนาคราชเกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกันที่เรียกว่า ‘พรหมประกายโลก’ ตามความเชื่อที่เล่าต่อกันมาพรหมประกายโลกคือสถานที่ที่พรหม-เทวดาลงมาชิมง้วนดินจนติดใจจนไม่สามารถกลับขึ้นสวรรค์ได้อีก ในอัคคัญญสูตร พระไตรปิฎกของพุทธศาสนาได้กล่าวถึงง้วนดินที่มีรสหวานฉ่ำ แต่เมื่อพรหมลิ้มลองแล้ว รัศมีของพวกเขาจะหายไปจนไม่สามารถส่องแสงให้โลกใบนี้ได้อีก การกินง้วนดินทำให้พรหมบางกลุ่มมีผิวพรรณผุดผ่อง ขณะที่บางกลุ่มกลับมีผิวพรรณเลวลง ซึ่งนำไปสู่การทะเลาะกันครั้งแรก และทำให้พรหมเริ่มห่างจากความชอบธรรมและหันเข้าหากิเลสมากขึ้น จนกลายเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา สำหรับผู้ศรัทธาพญานาค โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ริมน้ำโขงและผู้ที่ผูกพันกับตำนานพญานาคมาแต่โบราณ เช่นชาวอีสาน ทางขึ้น-ลงระหว่างโลกมนุษย์และโลกบาดาลมีทั้งหมดสามแห่งบนโลก หนึ่งคือพระธาตุหลวงแห่งเวียงจันทน์ สองคือหนองคันแทพระธาตุดำซึ่งตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสามคือพรหมประกายโลก ซึ่งมีพญาศรีสุทโธนาคราชมาตั้งบ้านเมืองจนกลายเป็นเมืองพญานาค ก่อนจะเดินผ่านซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยงานประติมากรรมพญานาค 7 เศียร 2 ตน เราได้เดินสำรวจบรรยากาศร้านค้ารอบนอกที่ขายเครื่องสักการะบูชา เช่นบายศรีใบตองหลากหลายขนาดและราคา ตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักพัน พญานาคเศียรเดียวถึง 9 เศียร นอกจากนี้ยังมีหมากพลู พวงมาลัย และสลากกินแบ่งรัฐบาลสำหรับผู้แสวงหาโชคลาภครบถ้วน แม่ค้าคนหนึ่งชี้แนะให้เราเดินไปทางขวา โดยบอกว่ามีการทำพิธีบวงสรวงและนางรำกำลังไปถวายที่ศาลเก่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องของผีจ้างหนัง ทำให้ความอยากรู้ของเราพุ่งขึ้น เราจึงเดินตามทางดินที่เปียกแฉะไปยังสะพานไม้ที่ออกสู่บึงอุบลกลางน้ำ
ศาลพ่อปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุมมา ไหว้ขอพร เดินท่องท้องพระคลัง
ใครที่ต้องการสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา ขอให้เดินเข้ามาทางนี้เลย รอบนี้ยังทัน ยืนตามจุดบนพื้น เว้นระยะห่าง ตั้งจิตและกล่าวตาม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยืนอยู่หน้าศาล กล่าวเสียงดังผ่านไมโครโฟน เขาเตรียมรับผู้มาสักการะรอบใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดเวลา ให้พวกเขาเข้าประจำตำแหน่งเพื่อท่องคาถาบูชาและขอพรไปพร้อมกัน ผู้ศรัทธาที่มามือเปล่าพนมมือไว้ที่อก ขณะที่คนที่ถือบายศรียกขึ้นเหนือศีรษะ ทุกคนก้มหน้าพร้อมเพรียงกันท่ามกลางเสียงอธิษฐานที่ดังระงมใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ หลังจากเสร็จพิธี เจ้าหน้าที่ให้ทุกคนวางเครื่องบูชาที่โต๊ะด้านหน้า และแนะนำให้กลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคลและลดขยะในพื้นที่ “รอบต่อไปประจำจุดได้เลยนะครับ คนที่ไหว้เสร็จแล้วสามารถไปชมต้นมะเดื่อยักษ์ได้” ผู้ศรัทธารอบใหม่เริ่มทยอยข้ามสะพานเข้ามา เราจึงเดินตามป้ายไปอีก 62 เมตร และรู้สึกถึงไอดินเย็นสบายเป็นการพักผ่อน ตามความเชื่อ ใต้ต้นมะเดื่อยักษ์ถือเป็นท้องพระคลังของพ่อปู่แม่ย่า หากใครต้องการขอพรหรือโชคลาภสามารถไปที่ต้นมะเดื่อได้ แต่ห้ามปีนป่ายหรือขูดหาเลข หลังจากเดินผ่านท้องพระคลัง พื้นไม้ก็พาเราเดินวนออกไปชมวิวรอบที่เต็มไปด้วยพืชพรรณสีเขียวขจีตัดกับท้องนภาสีขาว แม้ว่าพื้นไม้จะไม่สูงจากพื้นดินมาก แต่มีป้ายกำกับไม่ให้หย่อนเท้าหรือลงเดินบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรักษาความเป็นระเบียบและความปลอดภัย เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่อาจมีอสรพิษที่มองไม่เห็น จุดถัดไปคือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดประมาณ 5 เมตร ที่ได้รับการปกป้องโดยพญานาค 7 เศียร ตั้งอยู่ด้านซ้ายของศาลพ่อปู่แม่ย่าบนพื้นที่ 20 ไร่ บ่อน้ำนี้มีน้ำผุดขึ้นตลอดเวลาและไม่เคยเหือดแห้ง น้ำที่ไหลออกมายังใสสะอาดพร้อมให้ผู้ศรัทธาตักกลับบ้าน แต่ปัจจุบันไม่สามารถตักน้ำได้แล้วเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี พ.ศ. 2562 น้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 100 แหล่งทั่วไทยเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อใช้ในพิธีจัดทำน้ำอภิเษก และน้ำสรงมุรธาภิเษกซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก น้ำศักดิ์สิทธิ์จากจังหวัดอุดรธานีแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ปัจจุบันสามารถชมโครงชักรอกที่ใช้เชิญน้ำร่วมงานพิธีได้ที่ด้านข้างบ่อ ส่วนผู้ที่ต้องการสรงน้ำองค์พญานาคราช ต้องรอช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ตอนนี้ก็สามารถทำได้เพียงตั้งเหรียญหรือธนบัตร เพื่ออธิษฐานที่ริมบ่อไปก่อนนั้นเอง ซื้อหวย
ชีวิตที่คำชะโนด สำรวจศูนย์รวมแห่งศรัทธา
หลังจากใช้เวลาในดงชะโนดไม่นาน เราก็ถึงเวลาที่ต้องเดินจากประตูโลกบาดาลกลับสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง บรรยากาศเย็นร่มรื่นหายไปทันที แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงทำให้เราต้องหลบเข้าร่มหยิบรองเท้าและมุ่งหน้าไปยังร้านค้าที่ขายของบูชาต่างๆ เจ้าของร้านยิ้มให้เราและกล่าวว่า “ถือขันนี้ไว้ หันหน้าไปทางทิศ แล้วอธิษฐานเถอะ” เขาวางรูปหล่อพญานาคองค์เล็กลงในขัน ท่องคาถาบางอย่างแล้วยกขันให้เราเพื่อขอพร เจ้าของร้านผู้หญิงบอกเราว่า “ลูกค้าหลายคนกลับมาซื้อของเราอีก เพราะพวกเขาสมหวังในสิ่งที่ขอ” เธอเล่าเรื่องราวของตัวเองว่าเป็นชาวกรุงเทพฯ ที่เจอเรื่องเดือดร้อน จนหันมาพึ่งพาบารมีของพ่อปู่ศรีสุทโธ หลังจากความทุกข์ผ่านไป เธอขอให้ตนได้มาค้าขายที่คำชโนด และคำตอบรับก็เป็นจริง เราจึงยืนอยู่ในร้านของเธอ “หลายร้านไม่ใช่คนพื้นที่ แต่เป็นคนต่างถิ่นที่ศรัทธาและย้ายมา” เธอกล่าวเสริม ไม่แตกต่างจากที่ป้าคนแรกเคยบอก ด้านในคำชโนดมีคนจากหลายพื้นที่มาจับจอง ส่วนด้านนอกที่เห็นขายเครื่องบูชาตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ริมถนนจนถึงร้านค้าด้านหน้าซุ้มทางเข้า ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นที่พึ่งการท่องเที่ยวเพื่อเลี้ยงปากท้อง เราซื้อรูปหล่อขนาดเล็กกลับไปฝากสมาชิกครอบครัวที่ยังไม่มีโอกาสเดินทางมา ก่อนที่รถจะเคลื่อนกลับสู่กรุงเทพฯ ชาวคณะบางคนยกมือไหว้ไปทางวังนาคินทร์อีกครั้ง บางคนบีบแตร 3 ครั้งเมื่อผ่านศาลเก่า เพื่อแสดงความเคารพและขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ คำชโนดในความหลากหลายทำหน้าที่ในการหลอมรวมผู้คนผ่านความเชื่อและความศรัทธาอันเป็นหนึ่งเดียว สำหรับหลายคน ที่แห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่ยังเป็นแหล่งพักพิงและที่พึ่งทางจิตใจของทั้งคนท้องถิ่นและคนต่างถิ่น เราเชื่อว่าการทำให้ใครสักคนคลายทุกข์ได้ชั่วขณะหรือตลอดไป คือความศักดิ์สิทธิ์ของวังนาคินทร์แห่งนี้
คาถาบูชาปู่ศรีสุทโธ พญานาคราชแห่งคำชะโนด ขอโชคลาภ
สำหรับสายมูเตลูที่จริงจังเรื่องโชคลาภ ไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงปู่ศรีสุทโธ พญานาคราชแห่งคำชะโนด จุดหมายของลูกหลานสายพญานาคคือการไปบูชาพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมาเพื่อขอโชคลาภและเงินทอง แต่หากใครไม่สะดวกเดินทางไปคำชะโนด ก็ยังสามารถบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ศรีสุทโธที่บ้านได้ ด้วยขั้นตอนดังนี้
เริ่มจากการหารูปเหรียญ หรือเทวรูปของปู่ศรีสุทโธมาบูชาไว้ที่บ้าน จากนั้นบวงสรวงท่านด้วยน้ำเปล่า 1 แก้ว หรือของไหว้ที่ไม่เกินกำลังทรัพย์ เช่น ผลไม้ เพราะปู่ศรีสุทโธเป็นนาคาธิบดีที่มีสายปฏิบัติธรรม หลังจากนั้นสวดคาถาบูชาปู่ศรีสุทโธ แล้วนั่งสมาธิและสวดมนต์บทใดก็ได้ เพื่อแผ่อุทิศบุญให้ท่าน หลังจากนั้นให้กล่าวว่า “ลูกขออุทิศบุญที่ได้นั่งสมาธิ หรือสวดมนต์นี้ แด่องค์ปู่ศรีสุทโธ ขอองค์ปู่โปรดอนุโมทนาในบุญนี้ด้วย” และขอพรที่ปรารถนา 1 ข้อที่เป็นไปได้
หากเป็นครั้งแรกที่บูชาพ่อปู่ศรีสุทโธที่บ้าน เราควรเตรียมขันธ์ 5 เพื่อเปิดทางรับขวัญ โดยต้องเตรียมสิ่งของดังนี้ พานหรือจาน 1 อัน ดอกไม้สีขาว 5 คู่ เทียนขาว 5 คู่ น้ำเปล่า 1 แก้ว ธูป 16 ดอก หลังจากเตรียมขันธ์ 5 เรียบร้อยแล้ว ให้จุดธูปในบ้านแล้วกล่าวเชิญพ่อปู่ศรีสุทโธ และสวดคาถาปู่ศรีสุทโธ จากนั้นนำธูปไปปักกลางแจ้ง
สำหรับการบูชาเป็นประจำ ต้องเปลี่ยนขันธ์ 5 และน้ำ 1 แก้วทุกวัน พร้อมสวดคาถาบูชาปู่ศรีสุทโธ ขันธ์ 5 ในครั้งนี้จะมีพานหรือจาน 1 อัน ดอกไม้สีขาว 5 คู่ เทียนขาว 5 คู่ น้ำเปล่า 1 แก้ว ธูป 5 คู่ และเงิน 5 บาท ซึ่งสามารถจัดใส่ใบตองเย็บเป็นกรวยแบ่งออกเป็น 5 ชุด แล้ววางบนพานหรือจาน หลังจากนั้นสวดคาถาบูชาปู่ศรีสุทโธ นั่งสมาธิ สวดมนต์ และขอพรตามปกติ