ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ คือ ชื่อที่ใช้เรียกวิญญาณ หรือ ผีที่มีหน้าที่เฝ้าดูแลสมบัติ อันล้ำค่าของชาติ เช่น ทรัพย์สมบัติในกรุงโบราณต่าง ๆ ของราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะสมบัติ ในสมัยอยุธยา บทบาทของปู่โสม เปรียบได้กับเทพารักษ์ หรือ เจ้าที่เจ้าทางที่ปกปักรักษา ทรัพย์สินเหล่านี้ ไม่ให้ผู้ใดล่วงละเมิดหรือขโมยไปได้ง่าย ๆ หนึ่งในเรื่องเล่าปู่โสมเฝ้าทรัพย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2500–2501 ที่ วัดราชบูรณะ อยุธยา เมื่อมีกลุ่มโจรลักลอบ เข้ามาขุดกรุสมบัติที่ซ่อนอยู่ในพระปรางค์ โดยใช้เวลากว่า 3 วันเต็มเพื่อขนทรัพย์สินอันมากมายมหาศาลออกมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าที่คาดคิด เมื่อพวกเขานำสมบัติออกมา โดยเฉพาะ พระแสงขรรค์ชัยศรี หนึ่งในเบญจราชกกุธภัณฑ์ ได้ปรากฏปาฏิหาริย์ แสงสว่างวาบขึ้น พร้อมกับปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติ ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันที
ในเวลาต่อมา หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมการขโมยเหล่านั้น กลับมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสภาพเมามาย โดยสารภาพว่าตน เป็นผู้ลักลอบขุดสมบัติ และ เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว จนต้องยอมคืนสมบัติ บางส่วนแก่ทางการ อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่ถูกนำกลับมาคืนมีเพียงประมาณ 20% เท่านั้น เหล่าสมบัติที่เหลือได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้ เหล่าผู้เกี่ยวข้อง ในการขโมยต่างก็ได้รับเคราะห์กรรม เช่น เสียสติจนถึงขั้น ไปรำดาบกลางตลาด หรือร้านค้ารับซื้อของโจรก็ต้องปิดกิจการลง เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ และ หลายคนเชื่อว่านี่คือผล จากการดลบันดาลของปู่โสม เฝ้าทรัพย์ อีกหนึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับปู่โสมที่น่าสนใจ และ ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสมัยนั้นคือการเผชิญหน้าของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือที่รู้จักกันในนาม “พระองค์พีระ” นักแข่งรถฟอร์มูล่าวันชาวไทยผู้โด่งดังแห่งยุค
ท่านได้ใช้เครื่องมือ ขุดหาสมบัติที่ทันสมัย จากต่างประเทศมาช่วยในการขุดค้นที่ วัดกุฎีดาว โดยตกลงกับกรมศิลปากรว่าหากพบสมบัติ จะมอบให้รัฐ 90% และท่านจะได้รับ 10% แต่การขุดค้นไม่ประสบผลสำเร็จเลย เนื่องจากมีผู้กล่าวว่า ท่านไม่ได้ทำพิธีบวงสรวงหรือขออนุญาตจากปู่โสมก่อนแม้พระองค์พีระ จะไม่เชื่อในเรื่องภูติผีวิญญาณ แต่เหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในคืนนั้น เมื่อพระองค์ได้ยินเสียงขุดดินดัง “ฉึก ฉึก” มาจากรอบที่ประทับ แม้จะออกไปตรวจสอบก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ แต่เสียงนั้นยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ และเปลี่ยนตำแหน่งไปมารอบ ๆ จนถึงเช้า แต่กลับไม่มีอะไรปรากฏให้เห็น นี่จึงกลายเป็นหนึ่ง ในเหตุการณ์ที่ทำให้ เรื่องราวของปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ถูกกล่าวขานกันต่อไป
วัดกุฎีดาว ตำหนัก ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ คอยรักษาสมบัติของชาติ
หัวหน้าทีมซอกแซก ถือโอกาสนำเสนอเรื่องราว ที่เคยสร้างความฮือฮาทางประวัติศาสตร์ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รู้จัก และ เก็บข้อมูลไว้ เผื่อมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม วัดกุฎีดาว อยุธยา สักวันหนึ่ง ในอนาคตจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้ เมื่อไปเยือนวัดกุฎีดาวคือ พระตำหนักกำมะเลียน พระตำหนักโบราณที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ซึ่งนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า เป็นที่ประทับของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อครั้งดำรงพระยศ เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล เพื่อทรงทอดพระเนตร การบูรณะวัดกุฎีดาว ที่กล่าวถึงในตอนต้น
พระตำหนักกำมะเลียน มีความงดงาม และ น่าทึ่ง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะอยุธยา ลพบุรี และเปอร์เซีย ถือเป็นอาคารแบบ 2 ชั้นยุคแรก ๆ ในกรุงศรีอยุธยา ซึ่งการผสมผสาน สถาปัตยกรรมต่างชาติ แบบนี้นับว่าทันสมัย อย่างยิ่งในยุคนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของอยุธยา ในช่วงนั้นได้อย่างชัดเจนนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความประทับใจจากการเดินทาง ไปเยือนวัดกุฎีดาว ที่ทีมงานซอกแซก และ อาจารย์ ดร.สุเนตรได้ร่วมกันค้นพบ ติดตามอ่านกันต่อในสัปดาห์หน้า เมื่อเราจะพาไปสำรวจ วัดพนัญเชิง ที่มีเรื่องราวน่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
สายมูห้ามพลาดขอพร ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ วัดกุฎีดาว การเงินพุ่งแรง
พาเที่ยววัดกุฎีดาว อยุธยา สวยตะลึงจนต้องบอกต่อ วันนี้ขอพาไปเยี่ยมชม วัดสวยในอยุธยา ที่หลายคนอาจจะ ยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่ต้องบอกเลยว่า ความงดงามของวัดนี้ ไม่เป็นรองที่ไหนเลยค่ะ นั่นก็คือ วัดกุฎีดาว วัดรอบนอกเกาะเมืองที่ทั้งเงียบสงบ ร่มรื่น และมีมนต์ขลังของประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจ เดินทางมาหลายครั้ง ก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ทุกครั้งวัดกุฎีดาว วัดแห่งประวัติศาสตร์ที่สวยจนต้องตะลึง วัดกุฎีดา เป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่รอบนอกกรุงเก่าอยุธยา ตัววัดโดดเด่น ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เรียกได้ว่าเป็นวัด ที่คนรักประวัติศาสตร์ และ ความงดงาม ของโบราณสถานต้องไม่พลาด เมื่อก้าวเข้าไปในวัด สิ่งแรกที่สะดุดตา คือความกว้างขวางของพื้นที่วัด ซึ่งร่มรื่นด้วยต้นโพธิ์ใหญ่ ที่ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ที่มาเยือน มุมต่าง ๆ ในวัดล้วนมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถที่ใหญ่มาก ด้านในของอุโบสถก็อลังการด้วยงานศิลปะที่ยังคงงดงาม แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ที่สำคัญ วัดกุฎีดาวยังมีเจดีย์เก่าแก่ ที่ถูกปรักหักพังไปตามกาลเวลา แต่ยังคงความงามในแบบฉบับของโบราณสถานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเจดีย์นี้กลายเป็น จุดถ่ายภาพยอดนิยม เพราะแสงที่ส่องกระทบกับเจดีย์ในเวลาต่าง ๆ ของวันทำให้ภาพถ่าย ที่ได้ออกมามีมิติ และ ความสวยงามน่าทึ่ง อีกทั้งบริเวณวิหาร ด้านนอกก็สวยจนเกินคำบรรยาย เรียกได้ว่าทุกมุมของวัดนี้สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างน่าประทับใจ แน่นอนขอพรปู่โสม เฝ้าทรัพย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่วัดนอกจากความสวยงาม ทางสถาปัตยกรรมแล้ว วัดกุฎีดาวยังเป็นที่รู้จัก ในฐานะที่ประดิษฐานของ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ซึ่งเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยเฝ้าทรัพย์สมบัติ ของแผ่นดิน เชื่อกันว่าหากมาขอพรกับปู่โสมจะได้โชคลาภ และ ความสมปรารถนา ผู้ที่มาไหว้ขอพรปู่โสมจะใช้ธูป 5 ดอก และบุหรี่ 3 มวนในการสักการะ สถานที่ตั้งของศาลปู่โสม อยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ใกล้กับพระอุโบสถ เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้มาเยือน ต้องไม่พลาด ที่จะไปสักการะขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล ซื้อหวยตอนนี้
ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มุมภาพสวยๆ สำหรับการถ่ายรูป ให้ท่านได้รูปที่งดงาม
มุมถ่ายรูปที่ต้องห้ามพลาด วัดกุฎีดาว เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่เหล่าช่างภาพ และ นักท่องเที่ยวสายถ่ายภาพต้องประทับใจ เพราะทุกมุมของวัด ล้วนมีความสวยงาม แบบโบราณที่ยังคงความสมบูรณ์ จุดเด่น ๆ ที่แนะนำ คือวิหารด้านนอก ที่มีบรรยากาศเก่าแก่ แต่ทรงพลัง แสงแดดที่สาดส่องลงมา ในบางช่วงของวันยิ่งเพิ่มความงดงาม ของสถานที่นี้ รวมถึง ซุ้มประตูวัด ที่เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม มุมทางเดินเข้าประตูวัด ก็สวยไม่แพ้กันค่ะ โดยเฉพาะในช่วงเย็น ที่แสงสีทองส่องผ่านลงมา ทำให้ภาพถ่ายออกมาดูมีชีวิตชีวา และ ความงดงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีจุดถ่ายภาพ รอบเจดีย์ปรักหักพัง ที่แม้จะผ่านเวลามานาน แต่ก็ยังคงเสน่ห์ของ
ประวัติศาสตร์ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ที่แทรกตัวอยู่รอบวัด ทำให้บรรยากาศของที่นี่ดูสงบเงียบ เหมาะกับการมาพักผ่อน และ เก็บภาพความงามไปพร้อม ๆ กัน สรุป วัดกุฎีดาว ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่งดงาม และ ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นวัดที่เต็มไปด้วยบรรยากาศ ของความสงบ และ มีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม ประทับใจทุกคนที่มาเยือนค่ะ หากมีโอกาสมาเยือนอยุธยา อย่าลืมแวะมาที่วัดนี้นะคะ รับรองว่าจะต้องหลงใหลในเสน่ห์ของวัดกุฎีดาว จนต้องบอกต่อแน่นอน
จากคำเลื่องลือ สู่ละครดังที่ทำให้ ทุกคนศรัทธาต่อปู่โสม เฝ้าทรัพย์
ละครที่สร้างปรากฏการณ์ และ ทำให้ตำนาน “ปู่โสม เฝ้าทรัพย์” กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง คือเรื่อง “ปู่โสม เฝ้าทรัพย์” ซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 ในปี พ.ศ. 2560 นำแสดงโดยนักแสดงชั้นนำมากมายที่ถ่ายทอดเรื่องราวความลึกลับ และ พลังศรัทธาต่อวิญญาณ ผู้พิทักษ์สมบัติได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นักแสดงหลักในเรื่องประกอบด้วย :
- เจมส์ มาร์ รับบทเป็น พล ชายหนุ่มผู้ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์โบราณและเป็นผู้ที่ค้นพบความลับของปู่โสม
- เดียร์น่า ฟลีโป รับบทเป็น แป้ง หญิงสาวที่เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับในวัดเก่าแก่
- ณัฐ ศักดาทร รับบทเป็น สมภพ ตัวละครสำคัญที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการค้นพบกรุสมบัติ
- แพร์ พิชชาภา พันธุมจินดา รับบทเป็น เนตร ตัวละครหญิงที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและการสืบทอดเรื่องราวของปู่โสม
- ท็อป จรณ โสรัตน์ รับบทเป็น ปู่โสม วิญญาณผู้เฝ้ารักษาสมบัติโบราณ
ละครเรื่องนี้นำเสนอ เรื่องราวของ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ผ่านทั้งแง่มุมความเชื่อ ศรัทธา และความลึกลับที่สร้าง ความตื่นเต้นให้กับผู้ชม นอกจากนี้ยังสะท้อนถึง การเคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตำนานไทยโบราณ ที่ยังคงอยู่ในความเชื่อ ของคนไทยรุ่นหลัง