ครูกายแก้ว เปิดประวัติ - คาถาบูชา สายมูเช็กเลยตามขอพร
ครูกายแก้ว หรือที่ผู้เคารพบูชาเรียกกันว่า “พ่อใหญ่” ถือเป็นบรมครูผู้เรืองเวทย์ และ ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ความเชื่อ และ การบูชาอาจารย์กายแก้ว เริ่มแพร่หลายมาตั้งแต่ในอดีตและยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องของเวทมนตร์ โชคลาภ และการบูชาครู ประวัติของบรมครูผู้เรืองเวทย์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ จากประวัติที่ได้รับการบอกเล่ากันมา เดิมทีมีความเกี่ยวข้องกับพระธุดงค์ที่เดินทางไปแสวงบุญและทำสมาธิที่ปราสาทนครวัดนครธม ประเทศกัมพูชา ในช่วงเวลานั้น พระธุดงค์ได้ทำการสร้างหรือปลุกเสกอาจารย์กายแก้วขึ้นมา และ ต่อมาได้มอบให้กับลูกศิษย์ผู้มีบุญ ซึ่งก็คือ อาจารย์ถวิล มิลินทจินดา หรือที่หลายคนรู้จักในนาม พ่อหวิน นักร้องเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหารในสมัยก่อน ซึ่งพ่อหวินก็ถือเป็นครูคนสำคัญของ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้เป็นผู้สร้างองค์ปฐมของอาจารย์กายแก้ว ขึ้นในประเทศไทย
การสืบทอดความเชื่อ เกี่ยวกับอาจารย์กายแก้ว จึงเริ่มต้นจากพ่อหวิน และ ถูกส่งต่อมายังอาจารย์สุชาติ ซึ่งในครั้งแรกที่ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ได้รับมอบอาจารย์กายแก้ว มานั้น องค์ครูมีขนาดเล็กเพียงหน้าตักประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะของครู กายแก้วในครั้งนั้น เป็นรูปลักษณ์ของคนนั่ง เมื่อเวลาผ่านไป อาจารย์กายแก้วก็ปรากฏกาย ให้อาจารย์สุชาติได้เห็นในนิมิต จากจินตนาการที่อาจารย์สุชาติได้สัมผัส เขาจึงตัดสินใจ วาดภาพของครู กายแก้วจากนิมิตนั้น และได้หล่อรูปองค์ครูขึ้นมา เป็นครั้งแรกลักษณะของครู กายแก้ว ที่อาจารย์สุชาติได้สร้างขึ้นนั้นเป็นองค์ยืน ลักษณะคล้ายคนแก่ และ มีความเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ผู้บูชา เวลาต่อมา รูปหล่อนี้ได้ถูกนำไปประดิษฐานที่สำนัก เพื่อให้ผู้เคารพบูชา ได้มากราบไหว้ เป็นการแสดง ความเคารพบูชาครูผู้เป็นต้นแบบ แห่งเวทมนตร์ และ โชคลาภ
ยังถือเป็นสัญลักษณ์ ของการคุ้มครอง และ การให้โชคลาภกับผู้ที่มีศรัทธา ผู้ที่บูชาครู กายแก้วมักจะเชื่อว่าองค์ครูมีพลังอันยิ่งใหญ่ ในการประทานความร่ำรวย โชคลาภ และ ปกป้องคุ้มครองผู้ศรัทธาให้ปลอดภัย จากอันตรายทั้งปวง ซึ่งการบูชาครู กายแก้วนั้นยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่มีความเชื่อในศาสตร์เร้นลับ และ การบูชาครู รวมถึงผู้ที่ต้อง การเสริมดวงทางการเงินและ ความสำเร็จในชีวิตการบูชา มีรูปแบบเฉพาะตัว ผู้ศรัทธามักจะทำพิธีบูชาด้วยการกราบไหว้และ ถวายของเซ่นไหว้ เช่น ดอกไม้ ผลไม้ หรือธูปเทียน เพื่อแสดงความเคารพและขอพรให้ตนเองและครอบครัวพบกับโชคลาภ ความมั่งคั่ง และ ความสำเร็จในชีวิต ในปัจจุบันครู กายแก้ว ยังคงเป็นที่เคารพ และ บูชากันอย่างกว้างขวาง ในกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อเรื่อง พลังเหนือธรรมชาติ และเรื่องโชคลาภ โดยเฉพาะในวงการศาสนา และ พิธีกรรมทางไสยศาสตร์
ครูกายแก้ว มนุษย์ครึ่งนก ประทานพร หวังเงินทองมากมาย
ในช่วงเวลาที่สังคมไทย กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และ ถดถอย ผู้คนจำนวนมากเริ่มหันไปพึ่งพา “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” และ “พิธีกรรมไสยศาสตร์” เพื่อหวังใช้อำนาจ เหนือธรรมชาติให้ดลบันดาลความสำเร็จ และ ขจัดปัญหาที่เผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการเงิน การงาน หรือชีวิตส่วนตัว เมื่อสถานการณ์ชีวิตกำลังวิกฤต ความเชื่อเหล่านี้กลับกลายเป็นที่พึ่งสำคัญสำหรับหลายคนในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็น “พิธีกรรมแปลกๆ” ที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ ปรากฏอยู่ในสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งหลายคนอาจมองว่า เป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่แท้จริงแล้ว เรื่องราวของความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ อย่างภูตผี เทวดา และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมายาวนาน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ความเชื่อในสิ่งเหล่านี้ ยังคงฝังรากลึกอยู่ในวิถีชีวิต และ ความคิดของผู้คน
แม้ว่าเราจะเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และ โลกเปลี่ยนไปมาก แต่ “สิ่งลี้ลับ” และความเชื่อในไสยศาสตร์ก็ยังคงมีบทบาท ในสังคมไทย ผศ.ดร.กังวล คัชชิมา อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวถึงการสืบทอดพิธีกรรมไสยศาสตร์ว่าเกิดจากความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า สิ่งเหนือธรรมชาติ ภูตผีปิศาจ และเทพเทวดา” สามารถช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายหรือมอบความร่ำรวย และ โชคลาภได้ในเวลาอันสั้นการประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์เหล่านี้มีรากฐานที่ลึกซึ้ง และ มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ กว่า 1,000 ปีมาแล้ว ในศิลาจารึกมีการกล่าวถึงพราหมณ์ชั้นสูง ในราชสำนักที่ต้องเรียนรู้คัมภีร์ อาถรรพเวทของศาสนาพราหมณ์ เพื่อประกอบพิธีกรรม ตามความเชื่อ ของชาวเขมรโบราณ
ในอดีต คัมภีร์อาถรรพเวท ของศาสนาพราหมณ์ ถูกเขียนเป็นภาษาสันสกฤต แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตัวอักษรเหล่านั้นได้ถูกแปล และ ดัดแปลงเป็นภาษาบาลีหรือภาษาเขมร ทำให้คาถาอาคมบางบทเปลี่ยนแปลง และ เพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิมแม้ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย แต่มันก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคมไทย และ เป็นที่พึ่งพิงของผู้คนในยามที่ชีวิต กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน
เทพอสูร การ์กอยล์ เวตาล ผู้คนศรัทธา เจ้าแห่งอาคม ฯลฯ
อาจารย์กายแก้วมีลักษณะเป็นกึ่งคนกึ่งนก ปีกกว้าง เล็บยาวสีแดง และ เขี้ยวสีทอง ถือเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และ ความเป็นเอกลักษณ์ในสายเวทย์มนตร์ ตำนานกล่าวว่าอาจารย์กายแก้วได้รับการสถาปนา ให้เป็นบรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่สามารถประทานพร ความร่ำรวยให้แก่ผู้ที่ศรัทธาและบูชาด้วยความเคารพ สถานที่บูชาอาจารย์กายแก้ว มีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ และบางแห่งก็กลายเป็นศูนย์รวม ของผู้ที่ต้องการเสริมดวงชะตา และ ขอโชคลาภ
เหตุการณ์ที่ทำให้อาจารย์กายแก้ว เป็นข่าวเมื่อเช้าวันหนึ่ง ตำรวจได้เผยสาเหตุที่ทำให้การจราจรบนถนนรัชดาภิเษก ขาเข้าเป็นอัมพาตชั่วคราว รถติดสะสมต่อเนื่องไปจนถึงสะพานพระราม 7 สาเหตุมาจากรถพ่วงที่บรรทุก รูปปั้นขนาดใหญ่ติดคานสะพานลอยข้ามถนน บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว รูปปั้นนี้เดินทางมาจากโรงหล่อในจังหวัดราชบุรี เพื่อไปส่งยังโรงแรมแห่งหนึ่ง รูปปั้นที่ติดอยู่หลังรถมีลักษณะ เป็นอาจารย์กายแก้ว ที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคย กับการปรากฏตัวของท่าน ในลักษณะใหญ่โตเช่นนี้
สถานที่บูชาอาจารย์กายแก้ว ผู้ที่ศรัทธา อาจารย์กายแก้วสามารถเดินทาง ไปบูชาได้ที่วัดบางแห่งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด โดยเฉพาะสถานที่ที่มี การประดิษฐานรูปปั้น อาจารย์กายแก้วขนาดใหญ่ เพื่อขอพรเรื่องความมั่งคั่งและการค้าขาย การบูชาอาจารย์กายแก้วต้องมีความเคารพและทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ด้วยคาถาบูชาเฉพาะ
คาถาบูชาครูกายแก้ว ผู้ที่ต้องการบูชาอาจารย์กายแก้วควรสวดคาถาบูชาดังนี้ :
โอม นะโม มหาอาจารย์กายแก้ว สิทธิศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอบูชา
ขอให้ข้าพเจ้า ประสบโชคลาภ ร่ำรวยมหาศาล
โอม มหาเวทย์ มหาลาภ มหาสิทธิมงคล จงสำเร็จ จงสำเร็จ นะโมพุทธายะ”
การบูชาอาจารย์กายแก้วอย่างจริงจังและตั้งใจ เชื่อกันว่าจะช่วยเสริมพลังให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองและสำเร็จตามความปรารถนา
เหรียญอีกด้าน จากผู้ศรัทธา ครูกายแก้ว มายาวนาน
ที่เทวาลัยพระพิฆเนศบางใหญ่ จ.นนทบุรี มีศาลาขนาดเล็กที่ประดิษฐานรูปปั้น อาจารย์กายแก้วสีดำสนิท ขนาดไม่สูงนัก รูปปั้นนี้มีใบหน้าดูน่ากลัว ปากมีเขี้ยว และ นัยน์ตาแดงฉาน แต่ไม่มีปีกเหมือนกับรูปปั้น ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ แยกรัชดา-ลาดพร้าว แม้จะมีกระแสวิพากษ์ วิจารณ์เชิงลบว่า การบูชาอาจารย์กายแก้ว เหมือนการกราบไหว้ภูตผี หรือ เป็นลัทธิบูชาซาตาน แต่สำหรับผู้ศรัทธาอาจารย์กายแก้ว มายาวนาน สิ่งเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อ ความเชื่อแต่อย่างใด
แม้รูปลักษณ์จะดูน่ากลัว แต่ข้างในพ่อใหญ่ ไม่ใช่แบบนั้น บีม ภูษณิศา นักธุรกิจส่วนตัวที่บูชาอาจารย์กายแก้วเลี่ยมทอง ซึ่งเธอสวมติดตัวเสมอ ตามคำบนบานที่เคยขอไว้ภูษณิศา เล่าว่า เหตุผลที่เธอเลื่อมใส อาจารย์กายแก้ว ไม่ได้เกิดจากการได้เลขหวย หรือ โชคลาภมหาศาล แต่เพราะอาจารย์กายแก้ว เป็นที่พึ่งในยามยาก ทำให้เธอแคล้วคลาดจากโรคภัย เธอยืนยันว่า การบูชาอาจารย์กายแก้ว ไม่เคยทำให้ชีวิตของเธอแย่ลง มีแต่จะดีขึ้นหรือคงตัว
เกี่ยวกับข่าวที่มีคนอ้างตัวว่าเป็นผู้ศรัทธา อาจารย์กายแก้ว และ ต้องการบูชายัญด้วยสุนัขและแมว ภูษณิศามองว่า “เฮ้ย เขาไม่รู้จักพ่อใหญ่ดีพอเลย ถ้าคิดแบบนั้น แปลว่าคุณกำลังเลี้ยงผีปอบหรือมารร้าย คุณกำลังเอาสิ่งไม่ดีมาใส่พ่อใหญ่” เธออธิบายเพิ่มเติมว่า การบูชาครูกายแก้วแท้จริงนั้นไม่มี การใช้ของคาว หรือ เนื้อสัตว์ มีเพียงถั่ว และ ผักผลไม้ ส่วนสิ่งที่อาจต่างจากการบูชาอื่น ๆ คือการใช้เทียน และ ธูปสีดำ
ครูกายแก้ว งมงาย หรือ เสรีภาพทางศาสนา มีคำตอบ
กระแสการบูชาอาจารย์กายแก้ว ที่กำลังเป็นที่กล่าวถึง อย่างกว้างขวางนั้น ถึงขั้นมีข่าวว่าผู้ศรัทธาบางคนพูดถึงการ “บูชายัญหมา-แมว” และ ราคาค่าเครื่องบูชาที่พุ่งสูงถึงหลักแสนบาท ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในแง่ลบอย่างหนักในสังคม บีบีซีไทยได้สอบถาม ดร.ศิลป์ชัย เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ และ เขายืนยันว่า “นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่กรณีแรก และ ก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้เรื่อย ๆ
ในมุมมองของ ดร.ศิลป์ชัย ซึ่งเป็นนักวิชาการ ที่มักตั้งคำถามเกี่ยวกับ “พุทธแท้” อยู่เสมอ เขาไม่ได้ต่อต้านหรือเห็นด้วยกับการบูชา เช่น ครูกายแก้ว เพราะมองว่าเป็นเรื่องของ “เสรีภาพทางศาสนา” ของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ดร.ศิลป์ชัยแสดงความกังวลว่า “ความงมงายทุกประเภทเป็นสิ่งที่น่าห่วง เพราะทำให้ คนในสังคมขาดเหตุผล ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทั้งในระดับบุคคล และ ระดับชาติ รวมถึงการเมืองด้วย”
ดร.ศิลป์ชัยยังอธิบายเพิ่มเติม ถึงวัฒนธรรมการบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสังคมไทยว่า เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยเป็นสังคม พุทธแบบพหุเทวนิยม หรือก็คือ สังคมที่ยอมรับการบูชาเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่การบูชา จตุคามรามเทพ ลูกเทพ ไปจนถึง ไอ้ไข่